“รีไฟแนนซ์” หรือ refinancing คือการจัดเตรียมเงินทุนใหม่เพื่อไปชำระหนี้ที่มีอยู่แล้ว โดยมักจะเน้นไปที่การปรับปรุงเงื่อนไขเกี่ยวกับดอกเบี้ยหรือระยะเวลาในการชำระคืน วิธีนี้มักจะถูกใช้เมื่อเราสามารถหาเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินทุนที่กู้ยืมเดิม ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยลดลง

รีไฟแนนซ์นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการชำระดอกเบี้ยหรือยืดระยะเวลาการชำระเงินคืนได้ แต่ทางข้อเสียคือ ค่าธรรมเนียมการจัดหาเงินทุนใหม่ หรือการที่อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำกว่าอาจไม่คุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย ดังนั้น ควรทำการคำนวณและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะทำการรีไฟแนนซ์

รีไฟแนนซ์ ข้อดีข้อเสีย

การรีไฟแนนซ์หนี้สามารถมีข้อดีและข้อเสียทั้งหมด ดังต่อไปนี้:

ข้อดี:

  1. อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า: หากอัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงหรือเครดิตสกอร์ของคุณได้รับการปรับปรุง การรีไฟแนนซ์สามารถช่วยให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสำหรับสินเชื่อของคุณ ซึ่งสามารถทำให้คุณประหยัดเงินได้ในระยะยาว.
  2. การชำระเงินประจำเดือนที่ต่ำกว่า: คุณสามารถใช้การรีไฟแนนซ์เพื่อยืดระยะเวลาในการชำระเงินสินเชื่อของคุณ ซึ่งจะทำให้ยอดชำระประจำเดือนลดลง.
  3. การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสินเชื่อ: การรีไฟแนนซ์ยังอาจช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสินเชื่อได้ เช่น เปลี่ยนจากสินเชื่อดอกเบี้ยคงที่เป็นดอกเบี้ยแบบแปรผัน หรือยืดหยุ่นระยะเวลาการชำระเงินสินเชื่อ.

ข้อเสีย:

  1. ค่าธรรมเนียมการรีไฟแนนซ์: บางครั้งการรีไฟแนนซ์สินเชื่ออาจต้องเสียค่าธรรมเนียม ทำให้คุณต้องทำการคำนวณว่าการประหยัดที่ได้จากดอกเบี้ยที่ต่ำกว่ามากพอจะคุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมการรีไฟแนนซ์หรือไม่.
  2. ระยะเวลาสินเชื่อที่ยาวขึ้น: หากคุณเลือกยืดระยะเวลาในการชำระสินเชื่อ คุณอาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยสินเชื่อในระยะยาวที่มากขึ้น.
  3. ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น: ในบางกรณี หากคุณเลือกเปลี่ยนเป็นสินเชื่อดอกเบี้ยแบบแปรผัน คุณอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยในอนาคต.

ดังนั้น การตัดสินใจเรื่องการรีไฟแนนซ์สินเชื่อควรพิจารณาจากทั้งข้อดีและข้อเสียข้างต้น ทำการคำนวณความคุ้มค่า และประเมินสถานการณ์การเงินของคุณเองให้รอบคอบ.

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์สินเชื่อมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:

  1. วิเคราะห์สถานการณ์การเงินของคุณ: ตรวจสอบสถานการณ์การเงินปัจจุบันของคุณ และตัดสินใจว่าการรีไฟแนนซ์สินเชื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคุณหรือไม่ คุณควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาของสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง.
  2. ศึกษาตลาด: ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันในตลาด เพื่อดูว่าคุณสามารถรับสินเชื่อใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อปัจจุบันของคุณหรือไม่.
  3. ตรวจสอบคุณสมบัติ: ก่อนที่คุณจะรีไฟแนนซ์สินเชื่อ คุณควรตรวจสอบว่าคุณสามารถผ่านเกณฑ์คุณสมบัติของผู้ให้สินเชื่อใหม่หรือไม่.
  4. การสมัครสินเชื่อใหม่: เมื่อคุณพร้อมแล้ว คุณสามารถสมัครสินเชื่อใหม่เพื่อชำระสินเชื่อเดิมของคุณ ขั้นตอนนี้จะมีการตรวจสอบเครดิต และอาจจำเป็นต้องให้ข้อมูลการเงินของคุณ.
  5. การอนุมัติสินเชื่อ: ถ้าคุณผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุมัติสำหรับสินเชื่อใหม่ ผู้ให้สินเชื่อใหม่จะชำระสินเชื่อเดิมของคุณ และคุณจะเริ่มชำระสินเชื่อใหม่ที่มีเงื่อนไขที่ปรับเปลี่ยนไป.
  6. การชำระสินเชื่อใหม่: เมื่อสินเชื่อใหม่เริ่มขึ้น คุณต้องตั้งแต่ละเดือนในการชำระสินเชื่อใหม่ของคุณ ตามเงื่อนไขที่คุณได้รับ.

โปรดทราบว่า ในขณะที่ขั้นตอนเหล่านี้เป็นขั้นตอนทั่วไปสำหรับการรีไฟแนนซ์สินเชื่อ แต่ละผู้ให้สินเชื่ออาจมีขั้นตอนและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน.

รีไฟแนนซ์ ดีอย่างไร