ค่านิตยภัต คืออะไร? เจาะลึกความหมาย ประเภท และสิทธิ์ที่ควรรู้สำหรับพระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย
ในประเทศไทย “ศาสนา” ถือเป็นหนึ่งในรากฐานของสังคมและวัฒนธรรมที่หล่อหลอมผู้คนมานานกว่า 700 ปี พระภิกษุสงฆ์ไม่เพียงทำหน้าที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นผู้เผยแผ่ธรรมะ สั่งสอนศีลธรรม และทำประโยชน์แก่สังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท่านสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามสมณสารูปโดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพย์สินส่วนตัว จึงเกิดระบบหนึ่งขึ้นเรียกว่า “ค่านิตยภัต”
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานจนถึงรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับค่านิตยภัต ทั้งในด้านความหมาย ประเภท การจัดสรร ตลอดจนหลักเกณฑ์ในการจ่าย รวมถึงความแตกต่างจาก “เงินอุดหนุน” หรือ “เงินถวาย” ที่หลายคนอาจเข้าใจผิด
🔹 ความหมายของ “ค่านิตยภัต” คืออะไร
คำว่า “นิตยภัต” (อ่านว่า นิด-ตะ-ยะ-พัด) มาจากภาษาบาลีว่า นิจฺจภตฺต หมายถึง “ภัตที่ให้เป็นนิจ” หรือ “สิ่งที่ถวายเป็นประจำ” ซึ่งในบริบทของการปกครองคณะสงฆ์ไทย หมายถึง เงินหรือสิ่งของที่รัฐจัดสรรให้เป็นรายเดือนแก่พระภิกษุและสามเณรบางรูป ที่ปฏิบัติหน้าที่สำคัญในคณะสงฆ์ เช่น เจ้าคณะระดับต่าง ๆ หรือพระสังฆาธิการ เพื่อใช้ในการดำรงชีพและกิจการทางศาสนา
กล่าวโดยง่าย “ค่านิตยภัต” คือ เงินสนับสนุนประจำเดือนจากภาครัฐ ที่มอบให้แก่พระสงฆ์ซึ่งมีตำแหน่งในฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
🔹 ที่มาของค่านิตยภัตในประเทศไทย
ประวัติของค่านิตยภัตมีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยในอดีต รัฐไทยถือว่าการทำนุบำรุงพระศาสนาเป็นหน้าที่ของกษัตริย์และรัฐบาล เพื่อให้พระภิกษุไม่ต้องกังวลเรื่องปัจจัยสี่ และสามารถอุทิศตนเผยแผ่พระธรรมคำสอนแก่ประชาชนได้เต็มที่
ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545) การจ่ายค่านิตยภัตจึงถูกจัดระบบให้เป็นทางราชการอย่างชัดเจน โดยค่านิตยภัตจะถูกจ่ายเป็นรายเดือนจากงบประมาณแผ่นดิน ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปยังเจ้าคณะระดับต่าง ๆ ทั่วประเทศ
🔹 วัตถุประสงค์ของการจัดสรรค่านิตยภัต
- 
เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้ดำรงมั่นคงอย่างยั่งยืน 
- 
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แก่พระภิกษุที่ปฏิบัติหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ 
- 
เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา เช่น การเผยแผ่ธรรมะ การศึกษาพระปริยัติธรรม และการพัฒนาวัด 
- 
เพื่อให้พระสงฆ์สามารถดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องพึ่งพาการรับปัจจัยเกินจำเป็นจากญาติโยม 
🔹 ประเภทของค่านิตยภัต
ค่านิตยภัตสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะของตำแหน่งและหน้าที่ เช่น
1. ค่านิตยภัตสำหรับพระสังฆาธิการ
พระสังฆาธิการหมายถึงพระที่ดำรงตำแหน่งในฝ่ายปกครอง เช่น
- 
สมเด็จพระสังฆราช 
- 
เจ้าคณะใหญ่ 
- 
เจ้าคณะภาค 
- 
เจ้าคณะจังหวัด 
- 
เจ้าคณะอำเภอ 
- 
เจ้าอาวาส 
แต่ละตำแหน่งจะได้รับค่านิตยภัตในอัตราที่แตกต่างกันตามระดับความรับผิดชอบ เช่น
- 
สมเด็จพระสังฆราช อาจได้รับเดือนละ 10,000 บาท 
- 
เจ้าคณะภาค ประมาณ 6,000 บาท 
- 
เจ้าคณะจังหวัด ประมาณ 4,000 บาท 
- 
เจ้าอาวาส ประมาณ 2,000 บาท 
 (ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงตามประกาศของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)
2. ค่านิตยภัตสำหรับพระวิทยากรหรือผู้เผยแผ่ธรรมะ
พระภิกษุที่ทำหน้าที่เผยแผ่พระธรรมในหน่วยงานหรือสถานศึกษา อาจได้รับค่านิตยภัตเพิ่มเติมจากงบส่งเสริมศาสนา เพื่อสนับสนุนการเดินทางและการสอนธรรมะในพื้นที่ต่าง ๆ
3. ค่านิตยภัตพิเศษ
บางกรณีรัฐบาลอาจจัดสรร “ค่านิตยภัตพิเศษ” ให้แก่พระสงฆ์ที่มีผลงานโดดเด่น เช่น พระธรรมทูตสายต่างประเทศ หรือพระผู้ได้รับสมณศักดิ์สูง เพื่อเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติ
🔹 หลักเกณฑ์และกระบวนการจ่ายค่านิตยภัต
การจ่ายค่านิตยภัตอยู่ภายใต้การดูแลของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญคือ
- 
ต้องเป็นพระภิกษุที่ได้รับแต่งตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 
- 
ต้องยังดำรงสมณเพศอยู่ในขณะนั้น 
- 
ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง 
- 
จ่ายเป็นรายเดือนผ่านบัญชีธนาคาร ของพระภิกษุผู้ได้รับสิทธิ์ 
- 
หากลาสิกขา มรณภาพ หรือพ้นจากตำแหน่ง ต้องแจ้งยุติการรับค่านิตยภัตทันที 
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดจะเป็นผู้ตรวจสอบรายชื่อและรับรองข้อมูลทุกเดือนก่อนส่งต่อไปยังส่วนกลางเพื่ออนุมัติจ่ายเงิน
🔹 ความแตกต่างระหว่าง “ค่านิตยภัต” กับ “เงินถวาย” หรือ “เงินอุดหนุน”
| ประเภท | แหล่งที่มา | ลักษณะการให้ | จุดประสงค์ | 
|---|---|---|---|
| ค่านิตยภัต | งบประมาณแผ่นดิน โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ | จ่ายเป็นรายเดือน มีหลักเกณฑ์ชัดเจน | สนับสนุนการดำรงชีพและภารกิจทางศาสนา | 
| เงินถวาย | ญาติโยมผู้ศรัทธา | ไม่มีกำหนดจำนวนหรือความถี่ | ถวายด้วยศรัทธา ไม่ถือเป็นสิทธิ์ถาวร | 
| เงินอุดหนุนวัด | หน่วยงานรัฐหรือเอกชน | ตามโครงการหรือกิจกรรม | ใช้บูรณปฏิสังขรณ์หรือส่งเสริมกิจกรรมศาสนา | 
ดังนั้น “ค่านิตยภัต” จึงมีสถานะใกล้เคียงกับ “เงินเดือนของพระสงฆ์ผู้บริหาร” ในเชิงระบบราชการ แต่ไม่ใช่ค่าจ้างในเชิงอาชีพ เพราะจุดประสงค์หลักคือการส่งเสริมศาสนา ไม่ใช่การว่าจ้างทำงาน
🔹 ปัญหาและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับค่านิตยภัต
แม้ค่านิตยภัตจะเป็นระบบที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้คณะสงฆ์ แต่ก็มีบางประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม เช่น
- 
การจัดสรรงบประมาณไม่ทั่วถึง – วัดขนาดเล็กในชนบทบางแห่งอาจไม่ได้รับค่านิตยภัต เพราะไม่มีตำแหน่งทางปกครอง 
- 
ความเข้าใจผิดของประชาชน – บางคนเข้าใจว่าเงินค่านิตยภัตคือ “เงินเดือนของพระ” ทั้งที่จริงเป็นเพียงเงินสนับสนุน 
- 
การตรวจสอบความโปร่งใส – มีความจำเป็นต้องปรับระบบให้ตรวจสอบได้ง่ายและโปร่งใส เพื่อป้องกันการเบิกจ่ายซ้ำซ้อน 
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ปรับปรุงระบบฐานข้อมูลพระสังฆาธิการทั่วประเทศให้เป็นระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มความถูกต้องและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
🔹 ความสำคัญของค่านิตยภัตต่อคณะสงฆ์ไทย
- 
สร้างขวัญกำลังใจให้พระสังฆาธิการ 
 การมีรายได้ประจำช่วยให้ท่านสามารถทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะและบริหารวัดได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัจจัยส่วนตัว
- 
ยกระดับภาพลักษณ์ของคณะสงฆ์ในเชิงระบบ 
 การมีโครงสร้างรายได้ที่ถูกต้องตามกฎหมายทำให้คณะสงฆ์ดำเนินงานได้อย่างมีมาตรฐาน
- 
ช่วยกระจายทรัพยากรศาสนาไปสู่ท้องถิ่น 
 เพราะค่านิตยภัตส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อกิจกรรมในวัด เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือสนับสนุนการศึกษาพระธรรม
🔹 แนวทางพัฒนาระบบค่านิตยภัตในอนาคต
ในยุคดิจิทัล การบริหารจัดการค่านิตยภัตจำเป็นต้องพัฒนาให้เท่าทันเทคโนโลยีและความโปร่งใส เช่น
- 
ใช้ระบบ e-Nitthayaphat สำหรับบันทึกและตรวจสอบข้อมูลพระสงฆ์ 
- 
เชื่อมโยงกับระบบทะเบียนวัดและฐานข้อมูลของกรมการศาสนา 
- 
ส่งเสริมการรายงานผลการใช้ค่านิตยภัตอย่างเปิดเผย เพื่อให้สาธารณชนตรวจสอบได้ 
การพัฒนานี้จะช่วยให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และเห็นว่าค่านิตยภัตเป็นกลไกที่ช่วยรักษาศาสนาให้คงอยู่ในสังคมไทยอย่างยั่งยืน
🔹 บทสรุป
ค่านิตยภัต ไม่ใช่เพียง “เงินเดือนของพระ” อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่คือระบบสวัสดิการจากรัฐที่มุ่งส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มั่นคง โดยมอบให้กับพระภิกษุผู้ปฏิบัติหน้าที่ในคณะสงฆ์ตามกฎหมาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นทุนในการดำรงชีวิตอย่างสมถะ
เมื่อเข้าใจค่านิตยภัตอย่างถูกต้อง เราจะเห็นว่าระบบนี้มีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพของพระศาสนาและสังคมไทยโดยรวม เป็นอีกหนึ่ง “รากฐานเงียบ” ที่ช่วยให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่กับชาติไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
 
			