ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาขยะในกรุงเทพมหานครทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยะจำนวนมหาศาลจากครัวเรือนที่ถูกเทรวมกันโดยไม่คัดแยก ส่งผลต่อการจัดการและรีไซเคิลได้อย่างจำกัด ทำให้กรุงเทพฯ ต้องแบกรับต้นทุนในการกำจัดขยะทั้งในเชิงงบประมาณ เวลา และสิ่งแวดล้อม จนเกิดโครงการหนึ่งที่น่าสนใจและถูกพูดถึงในวงกว้าง นั่นคือ “บ้านนี้ไม่เทรวม ของ กทม.”
โครงการนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของนโยบายสาธารณะ แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนในวงกว้าง หากคุณคือหนึ่งในคนที่กำลังสนใจอยากเข้าใจแนวทางการจัดการขยะอย่างยั่งยืน รวมถึงโอกาสทางธุรกิจในด้านสิ่งแวดล้อม บทความนี้คือคู่มือสำคัญสำหรับคุณ
“บ้านนี้ไม่เทรวม ของ กทม.” คืออะไร?
โครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” เป็นหนึ่งในแนวคิดที่ริเริ่มโดยกรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายหลักคือการส่งเสริมให้ประชาชนคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง (ที่บ้าน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะ ลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ และเปิดโอกาสให้วัสดุรีไซเคิลถูกนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากยิ่งขึ้น
ภายใต้แนวคิดนี้ กทม. ได้วางแนวปฏิบัติง่าย ๆ ที่ทุกครัวเรือนสามารถทำได้ เช่น
-
การแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะทั่วไป
-
การจัดขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก กระดาษ แก้ว อะลูมิเนียม ไว้เป็นหมวดเดียวกัน
-
การจัดเก็บขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ แบตเตอรี่ ไว้แยกต่างหาก
ปัญหาของการ “เทรวม” ที่หลายคนมองข้าม
การเทรวมขยะทั้งหมดลงถังใบเดียว อาจดูเป็นเรื่องสะดวกในชีวิตประจำวัน แต่ในความเป็นจริง การเทรวมคือจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งระบบ เช่น:
-
ขยะอินทรีย์ปนเปื้อนวัสดุรีไซเคิล ทำให้ขยะที่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ได้กลายเป็นของเสียที่ต้องนำไปฝังกลบ
-
ต้นทุนการคัดแยกสูงขึ้น ในสถานีรวบรวมขยะของเทศบาล
-
เกิดกลิ่นเหม็น และของเหลวจากขยะไหลออก ทำให้เกิดมลพิษในชุมชน
-
พลาดโอกาสในการสร้างรายได้ จากการรีไซเคิลขยะอย่างถูกวิธี
เหตุผลที่โครงการนี้ “ได้ผล” และควรขยายผล
โครงการนี้ไม่ใช่เพียงการรณรงค์ในกระดาษ แต่มีการปฏิบัติจริง เช่น การแจกถังขยะหลากสีให้กับบ้านเรือน การมีอาสาสมัครประจำชุมชนช่วยตรวจสอบ การมีรางวัลหรือการจูงใจแก่บ้านที่ทำได้ดี ตลอดจนการเชื่อมโยงกับเครือข่ายรีไซเคิลภาคเอกชน
หลายชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม” ได้ผลลัพธ์ที่น่าชื่นชม เช่น
-
ลดปริมาณขยะที่เทศบาลต้องจัดเก็บได้ถึง 30–40%
-
สร้างรายได้จากการขายขยะรีไซเคิลให้กับชุมชนปีละหลายหมื่นบาท
-
ส่งเสริมความร่วมมือภายในชุมชนในด้านสิ่งแวดล้อม
-
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนในครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน
ผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจและนวัตกรรม
เมื่อกระแสการคัดแยกขยะเริ่มกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ ก็เป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น:
1. ธุรกิจจำหน่ายถังขยะคัดแยก
หากคุณมีสินค้าในกลุ่มถังขยะหลากสี มีฝาเปิดปิดปลอดกลิ่น หรือแบบถังอัจฉริยะ (Smart Bin) นี่คือช่วงเวลาทอง เพราะครัวเรือนและหน่วยงานต่าง ๆ จะเริ่มหันมาจัดหาถังที่เหมาะสมกับการคัดแยกมากขึ้น
2. ธุรกิจบริการรับซื้อและจัดการขยะรีไซเคิล
การที่ผู้คนเริ่มแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง จะทำให้ขยะรีไซเคิลมีคุณภาพดีขึ้น และธุรกิจรับซื้อสามารถประมวลผลและแปรรูปได้ง่ายขึ้น
3. ธุรกิจด้าน Green Innovation
เช่น การนำพลาสติกใช้แล้วไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ กระเบื้องรีไซเคิล หรือแม้แต่สินค้ากลุ่ม Sustainable Product ต่าง ๆ
4. บริการให้คำปรึกษาและอบรมชุมชน
องค์กร หน่วยงานราชการ โรงเรียน หรือคอนโดขนาดใหญ่ เริ่มมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการขยะเพื่อมาอบรมและวางระบบในพื้นที่ของตน
“บ้านนี้ไม่เทรวม ของ กทม.” กับ ESG และ CSR
สำหรับภาคเอกชนหรือองค์กรธุรกิจ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับหลัก ESG (Environment, Social, Governance) และสามารถใช้เป็นหนึ่งในกิจกรรม CSR ที่มีผลกระทบทางบวกในระยะยาว เช่น:
-
จัดกิจกรรมวันคัดแยกขยะร่วมกับพนักงานหรือชุมชนรอบโรงงาน
-
บริจาคถังแยกขยะให้โรงเรียนหรือชุมชนในพื้นที่สีแดง
-
พัฒนาแอปพลิเคชันหรือระบบติดตามการแยกขยะ
สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและช่วยขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปในทางที่ดี
จะเริ่มต้นกับ “บ้านนี้ไม่เทรวม” อย่างไร?
สำหรับบุคคลทั่วไปที่อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ สามารถเริ่มได้ง่าย ๆ ด้วย 5 ขั้นตอน:
-
เตรียมถังแยกขยะ อย่างน้อย 3 ถัง ได้แก่ อินทรีย์ รีไซเคิล และทั่วไป
-
ศึกษาและติดโปสเตอร์แนะนำการแยกขยะ ไว้ในบ้าน
-
กำหนดวันนำขยะออกทิ้งให้ตรงกับระบบของเขต
-
หาชุมชนหรือหน่วยงานที่รับขยะรีไซเคิลโดยตรง
-
ส่งเสริมให้คนในครอบครัวร่วมมือกัน
สรุป: บ้านนี้ไม่เทรวม ไม่ใช่แค่โครงการ แต่คือแนวทางอนาคต
“บ้านนี้ไม่เทรวม ของ กทม.” ไม่ใช่แค่แคมเปญระยะสั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ แต่คือ “วิถีชีวิตใหม่” ที่หากเรานำไปปรับใช้จริง ย่อมสามารถช่วยให้กรุงเทพมหานครเดินหน้าไปสู่เมืองที่น่าอยู่ ลดขยะอย่างยั่งยืน และสร้างระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้จริง
และหากคุณคือผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดนี้ อย่าพลาดโอกาสในการต่อยอดธุรกิจของคุณควบคู่ไปกับการดูแลโลกใบนี้ เพราะการไม่เทรวม…คือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง