ใครที่กำลังมองหา “ที่อยู่อาศัย” ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์เฮ้า หรือ คอนโดมิเนียม ต้องเคยได้ยินคำว่า อสังหาฯแนวราบ – อสังหาฯแนวดิ่ง และคำว่า Condominium High rise – Condominium Low rise หากแปลจากภาษาไทยเป็นอังกฤษ แบบตรงไปตรงมา ชุดคำทั้ง 2 ชุดนี้ ก็ดูจะเป็นความหมายเดียวกัน แต่โดยทางปฎิบัติแล้วในประเทศไทยเรานั้น ใช้ชุดคำ 2 ชุดนี้อธิบายประเภทของ “ที่อยู่อาศัย” แตกต่างกันนะคะ
อสังหาฯแนวราบ – อสังหาฯแนวดิ่ง
อสังหาริมทรัพย์แนวราบ
ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- บ้านเดี่ยว : เป็นที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆ เนื้อที่กว้างขวาง รั้วรอบขอบชิด มีความใหญ่และเล็กก็จะแตกต่างกันไปเนื้อที่ของบ้านเดี่ยว ตามกฎหมายกำหนดขนาดต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา โดยที่ดินจะต้องมีหน้ากว้างติดถนนไม่ต่ำกว่า 10 เมตร และลึก 20 เมตร
- บ้านแฝด : บ้านที่สร้างขึ้นเป็นคู่ มีฝาบ้านติดกัน 1 ด้าน มีลักษณะคล้ายกับบ้านเดี่ยวแต่เนื้อที่น้อยกว่า โดยกฎหมายนั้นกำหนดไว้ว่า จะต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 35 ตารางวา และบ้าน 1 คู่ต้องมีความกว้างของที่ดินไม่ต่ำกว่า 16 เมตร ซึ่งแบ่งเป็นหลังละ 8 เมตร
- ทาวน์เฮ้าส์ – ทาวน์โฮม : เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บ้านแถว เป็นที่อยู่อาศัยอีกประเภท มีพื้นที่จอดรถและสวนหย่อมหน้าบ้าน ตามกฎหมายกำหนดว่า 1 บ้านแถวต้องมีขนาดที่ดินไม่เกิน 16 ตารางวา และมีขนาดความกว้างไม่ต่ำกว่า 4 เมตร ลึก 16 เมตร
- อาคารพาณิชย์ : เรียกอีกอย่างว่าตึกแถว นอกจากจะใช้อยู่อาศัยได้แล้ว ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจได้อีกด้วย นิยมก่อสร้าง 3 – 4 ชั้น
ขอบคุณภาพจากโครงการ บริทาเนีย วงแหวน หทัยราษฎร์
อสังหาฯแนวดิ่ง
ได้แก่พวก คอนโดมิเนียม เป็นที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นมาในปัจจุบัน มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าอาคารชุด มีหลายชั้น แต่ละชั้นประกอบด้วยห้องพักจำนวนมาก และภายใน 1 ห้อง ประกอบด้วย ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่เรียกกันว่าพื้นที่ส่วนกลาง (Facility) เป็นจุดเด่นที่แต่ละโครงการจะมีมากน้อยต่างกันไป คอนโดมิเนียมมักตั้งอยู่ในทำเลดี สะดวกต่อการเดินทางใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งคอนโดมิเนียมนี้เอง ที่ ถูกแยกออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน Condominium High rise – Condominium Low rise
Condominium High rise – Condominium Low rise
Condominium Low Rise
หมายถึงคอนโดที่มีความสูง ไม่เกิน 23 เมตร ส่วนใหญ่มักจะมี 8 ชั้น (หรือ 9 ชั้นแต่เพดานของแต่ละชั้นจะต่ำลงมา) เนื่องจากจำนวนชั้นที่น้อยทำให้ คอนโด Low Rise มีจำนวนยูนิตน้อยตามไปด้วย คอนโด Low Rise จะมีความเงียบสงบมากกว่า และที่สำคัญ ราคาของคอนโด Low Rise มักจะถูกกว่าด้วย แต่ที่ตามมาคือ คอนโด Low Rise มักมีพื้นที่ส่วนกลางน้อยกว่า และตั้งอยู่ในทำเลไม่ติดรถไฟฟ้าหรือถนนใหญ่มากนัก จัดถัดเข้ามาชุมชนหรือซอยย่อยต่างๆ
ขอบคุณภาพจากโครงการ B LOFT LITE SUKHUMVIT 115
Condominium High rise
คอนโด High Rise หรือที่อยู่อาศัยที่สูงกว่า 20-30 ชั้นขึ้นไป มักตั้งอยู่บริเวณที่เน้นไปยังใจกลางเมือง ซึ่งข้อกำหนดทางกฎหมายในการสร้างคอนโด High-Rise คือต้องสร้างติดถนนที่มีความกว้างเกิน 10 เมตรทำให้คอนโด High-Rise จำเป็นต้องสร้างติดถนนใหญ่ ส่งผลให้ข้อดีคือมีเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย และติดรถไฟฟ้า คอนโด High-Rise มักมากับพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็ม เพื่อรองรับจำนวนผู้อาศัยที่มากกว่านั่นเอง
ขอบคุณภาพจากโครงการ PARK ORIGIN PHROMPHONG
อย่างไรก็ดี การเลือกหาที่อยู่อาศัย ก็ควรคำนึงให้เหมาะสมกับวิถีชีวิต และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล แต่ละครอบครัว ที่มีความชอบ และความสนใจที่แตกต่างกันไป ซึ่งที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทนั้นก็ มีทั้งข้อดี ข้อเสียที่จะตอบโจทย์ของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน..