5 สิ่งที่ต้องพิจารณา เมื่ออยากมีบ้านเป็นของตัวเอง
เรื่องใหญ่ในชีวิตคนเราที่ต้องตัดสินใจมักมีอยู่ไม่กี่เรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการ “ซื้อบ้านใหม่” นั่นเองครับ แม้ขั้นตอนการซื้อบ้านหรือคอนโด จะไม่ได้มีหลักการตายตัว และขึ้นอยู่กับความต้องการ เงื่อนไขในการใช้ชีวิต และความเหมาะสมของแต่ละคน แต่วันนี้ GoBear จะขอแนะนำหลักการ 5 ข้อ ถึงสิ่งที่เพื่อนๆควรนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อบ้านใหม่ เผื่อไว้เป็นแนวทางให้เพื่อนๆ สามารถค้นหาบ้านหรือคอนโดที่เหมาะสมกับตัวเองได้นะครับ
1. วัตถุประสงค์ในการซื้อ
“ซื้อบ้านดีไหม” คำถาม ที่ต้องถามตัวเองให้ชัดเจนก่อนว่า วัตถุประสงค์หลักในการซื้อบ้านหรือคอนโดของคุณนั้นมีเพื่ออะไร เช่น เพิ่งเริ่มต้นทำงาน อยากลองใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง และเก็บไว้ลงทุนในอนาคต, พี่น้องที่ต้องการอยู่คอนโดในเมืองร่วมกัน เพื่อสะดวกในการเดินทางไปเรียนมหาวิทยาลัย และทำงาน, คู่สามีภรรยาที่เริ่มต้นการใช้ชีวิตครอบครัว และมองหาบ้านที่สามารถขยับขยายพื้นที่ได้ เผื่อการมีลูกในอนาคต, หรือครอบครัวใหญ่ ทั้งนี้ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นอะไร วัตถุประสงค์ย่อมต้องเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ที่จะกำหนดปัจจัยอื่นๆที่จะตามมาครับ เพราะหากนี่เป็นคอนโดหรือบ้านหลังแรกที่คุณซื้อเพื่อรอช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ก็อาจเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้าราคาไม่แพง ห้องสตูดิโอขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถนำไปปล่อยเช่าได้เมื่อเราซื้อบ้านหลังถัดไป หรือไม่ได้อยู่อาศัยแล้ว เป็นต้นครับ
2. ทำเล
เมื่อรู้ตัวว่า อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง และมีวัตถุประสงค์ชัดเจนแล้ว สิ่งต่อไปที่เราควรจะพิจารณาก็คือ ทำเลที่ตั้งครับ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเพื่อนๆเอง และคุณภาพชีวิตที่ต้องการด้วย โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการตัดสินใจเลือกทำเลก็คือ ใกล้แหล่งชุมชนหรือไม่ คนในชุมชนบ้านใกล้เรือนเคียงเป็นอย่างไร มาตรการรักษาความปลอดภัยล่ะ อาหารการกินสะดวกหรือเปล่า การคมนาคมขนส่งเป็นอย่างไร เดินทางด้วยวิธีใดได้บ้าง และตัวเราเองชอบแบบเงียบสงบหรือพลุกพล่าน หากเพื่อนๆมีรถอยู่แล้ว อาจเลือกคอนโดที่ใกล้กับทางด่วน หรือเลือกซื้อบ้านที่อยู่แถบชานเมืองแล้วขับรถเข้ามาทำงานแทน เพราะราคาไม่แรงมากนัก ช่วยให้ประหยัดเงินไปได้มาก แต่หากต้องการความสะดวกรวดเร็ว ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง และงบประมาณไม่เป็นปัญหา อาจเลือกบ้านที่อยู่ในเขตเมืองหรือคอนโดใกล้ BTS, MRT เมื่อได้ทำเลโดยรวมแล้ว ให้ลองดูบ้านโครงการอื่นๆที่ถูกสร้างอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน และแม้แต่โครงการเดียวกันเอง เพื่อหาตำแหน่งที่ดีที่สุด เช่น ชอบความเป็นส่วนตัว หรืออยากได้ความสะดวกอยู่ใกล้ Facility ของโครงการ และอย่าลืมดูทิศทางของแดดที่หันเข้าสู่ตัวบ้าน ตลอดจนทิศทางลมด้วยนะครับ
3. ราคา
ราคา ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องรอบคอบในการตัดสินใจอย่างมากทีเดียว เพราะจะขึ้นอยู่กับทำเล คุณภาพโครงการ งานออกแบบ คุณภาพชีวิตโดยรวม ซึ่งจำเป็นที่คุณจะต้องตั้งเพดานของราคาบ้านหรือคอนโดที่คุณต้องการเอาไว้ในใจ และนอกจากจำนวนเงินที่คุณเต็มใจที่จะจ่ายเมื่อเทียบกับคุณภาพของบ้านแล้ว อย่าลืมนึกถึงค่าส่วนกลางของคอนโดหรือหมู่บ้าน และการบริการของนิติบุคคล ตลอดจนความสะดวกสบายและประโยชน์ใช้สอยจากพื้นที่ส่วนกลางที่เราจะได้รับด้วยครับ
เมื่อคุณอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง และเจอบ้านที่คุณชอบ แต่ถ้าเกินงบประมาณไปมาก ก็เป็นการดีที่เราจะมองหาบ้านหลังที่ใกล้เคียงกับความสามารถในการผ่อนชำระบ้านของเราแทนครับ เนื่องจากบ้านนั้นถือเป็นทรัพย์สินใหญ่ ที่ต้องเป็นภาระผูกพันกันไปยาวๆ 20-30 ปี เลยทีเดียว ซึ่งราคาบ้านที่เหมาะสมนั้น ควรเอาเงินเดือนหรือรายได้ที่เราได้รับในแต่ละเดือน (หากได้แต่ละเดือนไม่เท่ากันให้ลองหาค่าเฉลี่ยออกมาดูครับ) มาหักกับค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเป็นประจำ เช่น ค่าผ่อนบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถยนต์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง หลังจากนั้นเหลือเงินเก็บเท่าไหร่ ค่อยมาประเมินราคาบ้านที่เหมาะสมกับเรา ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการผ่อนต่อเดือนทั้งหมด (รวมกันทั้งผ่อนรถ ผ่อนบ้าน หากมีทั้งสองอย่าง) จะอยู่ที่ 40% ของเงินเดือนครับ โดยหากเพื่อนๆกู้เงิน 1,000,000 บาท ในการซื้อบ้าน ยอดผ่อนต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 บาท อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้อาจขึ้นกับระยะเวลาที่เพื่อนเลือกผ่อน เงื่อนไขและโปรโมชั่นดึงดูดใจลูกค้าของแต่ละธนาคารด้วยครับ ซึ่งทางที่ดีเพื่อนๆควรติดตามข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายจากรัฐบาลที่มักจะมีประกาศออกมาเสมอ เช่น โครงการบ้านล้านหลัง ธอส.เพื่อให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยนั่นเอง
4. เงินดาวน์
หนึ่งในขั้นตอนการซื้อบ้านที่สำคัญที่สุดก็คือ การดาวน์ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีประกาศจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับ การกำหนดเงินดาวน์บ้านขั้นต่ำสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่สอง (มีบ้านหลังแรกแล้ว และผ่อนมายังไม่เกินสามปี) หรือซื้อราคาบ้านเกินสิบล้าน ต้องวางเงินดาวน์ 20% ของราคาบ้าน สำหรับที่อยู่อาศัยหลังที่ 3 ขึ้นไปจะต้องวางดาวน์ 30% ในทุกระดับราคา โดยจะเริ่มใช้บังคับกับสัญญากู้ซื้อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป สำหรับคนที่เพิ่งมีบ้านหลังแรกที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ คือสามารถวางเงินดาวน์บ้านได้ตั้งแต่ 0-10% สำหรับคนที่ผ่อนบ้านมาเกิน 3 ปี พร้อมทั้งทำการรีไฟแนนซ์แล้ว เงินดาวน์บ้านอยู่ที่ประมาณ 10% ครับ
เครดิตภาพจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
5. สิ่งที่ตามมาหลังซื้อบ้าน
อย่างที่บอกครับว่าบ้านถือเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่จะอยู่กับเราไปอีกยาวนานหลายปี ดังนั้นเราจะต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาหลังขั้นตอนการซื้อด้วย ทั้งการตรวจเช็กบ้านก่อนรับโอนฯ ภาระค่าใช้จ่ายที่เราต้องผ่อนชำระทุกเดือน ปัญหาเพื่อนบ้านหรือผู้ที่มาอยู่กับเราทีหลัง หรือพื้นที่สวนสวยกว้างขวางแลกกับภาระการดูแลที่ตามมา บ้านที่ซื้อไปซักพักอาจเกิดการร้าว หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตลอดจนการบริหารของนิติบุคคลในหมู่บ้านหรือคอนโดด้วย ดังนั้นหากเราพิจารณาปัจจัยนี้ตั้งแต่แรก ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ตลอดจนเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ก็จะได้มีแนวทางแก้ไขต่อไปด้วยนั่นเองครับ
จากบทความที่กล่าวมาข้างต้น หากเพื่อนๆกำลังคิดที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ก็อย่าลืมใช้เช็คลิสต์ข้างต้น และสำหรับคนที่ผ่อนบ้านมาเกิน 3 ปีแล้ว หากต้องการรีไฟแนนซ์เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์เรื่องเงินดาวน์ และลดภาระในการผ่อนต่อเดือนลงก็สามารถเข้าไปเช็คข้อเสนอดีๆได้ที่เว็บไซต์ของ GoBear นะครับ
บทความโดย: นันทรัช ชมภูแสง
Content Writer ประจำเว็บไซต์ GoBear ผู้หลงใหลการอ่านหนังสือและเชื่อมั่นในพลังของการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเรื่องราว มีความสุขกับการฟังเพลง ดูซีรีส์ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น