เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่ SEAC – VAARI – CLAYMORE
ดันเป้ารายได้รวมแตะหลัก 60,000 ล้านบาท
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัยของประเทศไทย ประกาศความสำเร็จคาดปิดปี 2561 ธุรกิจโดยรวมโตสวนกระแส 30% ขึ้นแท่นอันดับ 2 ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายได้สูงสุด เดินหน้าประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ นำองค์กรก้าวสู่ศักราชใหม่ที่มากกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้แนวคิด ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ สร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า
พร้อมเปิดตัว 3 ธุรกิจใหม่นอกธุรกิจอสังหาฯ อย่างสมภาคภูมิ ได้แก่ SEAC (เอสอีเอซี) VAARI (วาริ) และ CLAYMORE (เคลย์มอร์) มุ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกและการเติบโตที่ยั่งยืน ตั้งเป้าภายในปี 2565 ทั้ง 3 ภาคธุรกิจใหม่จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท
![](https://aroundliving.com/wp-content/uploads/2019/02/3-1024x683.jpg)
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า “ในปี 2561 ที่ผ่านมาธุรกิจโดยรวมของเอพี ไทยแลนด์เติบโตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เราคาดการณ์ว่า ในปี 2561 บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมเติบโตขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เอพี ไทยแลนด์ ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีรายได้สูงสุดของเมืองไทย การเติบโตแบบสวนกระแสของเอพีเป็นผลลัพธ์ของความสำเร็จในทุกธุรกิจที่เราดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสินค้าทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ต่างได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด สะท้อนได้ทั้งจากยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”
นอกจากนี้ ธุรกิจอื่นๆ ในเครือเอพี ทั้ง ธุรกิจ Property Agent ภายใต้ชื่อ ‘BC (บีซี)’ ที่ให้บริการรับฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่สินค้าของเอพีเพียงอย่างเดียว มีผลการดำเนินงานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ-ขาย-เช่า ผ่าน บีซี รวมมูลค่าสูงกว่า 12,000 ล้านบาทก้าวขึ้นเป็น Property Agent อันดับ 1 ของประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ และธุรกิจ Property Management ภายใต้ชื่อ ‘SMART (สมาร์ท)’ เป็นธุรกิจบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ส่งผลให้วันนี้ สมาร์ทได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหารจัดการคุณภาพชีวิตในโครงการต่างๆ ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะเครือเอพีกว่า 55,000 ครอบครัว ในกว่า 200 โครงการ ซึ่งก้าวต่อไปทั้งสองบริษัท ‘บีซีและสมาร์ท’ จะยังคงเดินหน้าขยายขอบเขตการให้บริการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
![](https://aroundliving.com/wp-content/uploads/2019/02/5-1024x683.jpg)
ทั้งนี้ ทั้ง 3 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเอพี ไทยแลนด์ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์และครบวงจรที่สุด (Space Expert for Living Satisfaction) ซึ่งก้าวต่อไปจากนี้ เอพี ไทยแลนด์จะไม่หยุดอยู่เพียงภาคธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่จะก้าวไปสู่ศักราชใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘AP World, A New Vision of Quality of Life’ วิสัยทัศน์ในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า ซึ่งจะสมบูรณ์ไปด้วยระบบนิเวศ (Eco System) ที่เอพีพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นรายแรกที่ริเริ่มสร้างสรรค์โลกแห่งคุณภาพชีวิตที่ดี
อีกทั้ง ยังเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน บริษัทฯ จึงพร้อมเปิดตัว 3 ภาคธุรกิจใหม่ (Disruptive Business) ได้แก่ 1) VAARI ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต 2) CLAYMORE ดำเนินธุรกิจสร้างและผลักดันนวัตกรรมดีไซน์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ และ 3) SEAC ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคน ในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก
ทั้ง 3 ธุรกิจใหม่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเสริมวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประสบความสำเร็จ เคียงคู่ไปกับ Core Business คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัทในเครือที่จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าภายในปี 2565 สามภาคธุรกิจใหม่นี้จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพีให้เติบโตแบบก้าวกระโดดแตะหลัก 60,000 ล้านบาท
นายอนุพงษ์กล่าวว่า “หนทางในการไปถึงวิสัยทัศน์ในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น มีความท้าทายหลัก 3 ประการที่เราจะต้องตระหนัก ต้องบริหารจัดการ และต้องเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม นั่นคือ 1. โลกที่กำลังดิสรัปและทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำถาม คือ เราจะนำ Technology มาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นได้อย่างไร 2. เราจะรู้จักและพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องและตอบรับกับความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบที่แตกต่างกันของคนในสังคมได้อย่างไร 3. เราจะพัฒนาความรู้ ความสามารถของ ‘คนในองค์กรและคนในสังคม’ ให้ก้าวทันกระแสดิสรัปชั่นได้อย่างไร
ดังนั้นการขยายองค์กรสู่ 3 ภาคธุรกิจใหม่ล่าสุดของเรา จึงช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มให้วิสัยทัศน์ในการมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคมให้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเอพีแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
บริษัทใหม่ทั้ง 3 มีลักษณะการดำเนินธุรกิจ และเป้าหมายสำคัญแตกต่างกัน ดังนี้
- บริษัท วาริ จำกัด: ดำเนินธุรกิจสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการบริหารจัดการคุณภาพชีวิต (LIFE MANAGEMENT ECOSYSTEM) ที่จะมาจุดประกายคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์สังคมแห่งการอยู่อาศัยในอุดมคติให้เกิดขึ้น ลดทอนความซ้ำซ้อนที่เป็น Pain ของผู้อยู่อาศัยในวันนี้ และมอบประสบการณ์ใหม่ที่ยกระดับรูปแบบการดำเนินชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ผ่านนวัตกรรมดีไซน์ ที่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม
- บริษัท เคลย์มอร์ จำกัด: ดำเนินธุรกิจการพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ที่ยังไม่ถูกค้นพบของคนในสังคม ผ่านการสร้างทีมนวัตกรรมที่มีจิตวิญญาณในการเป็นผู้ประกอบการขึ้นภายในองค์กร มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็น Innovation Lab สร้างนวัตกรรมโดยใช้กระบวนการ Stanford Design Thinking ต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เดิมไปสู่ธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายให้นวัตกรรมที่คิดค้น จับต้องได้ และใช้งานได้จริง
- SEAC (เอสอีเอซี): ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ดำเนินธุรกิจในการดิสรัปวิธีการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนในสังคมด้วยกระบวนการใหม่ๆ มุ่งพัฒนาความพร้อม ความสามารถของคนให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในวันนี้และอนาคต โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันระดับโลก อาทิ Stanford University ที่มีมุมมองในเรื่องการเรียนรู้ตรงกัน เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถและกระบวนการคิดของผู้นำในเมืองไทยและระดับภูมิภาคให้มีศักยภาพทัดเทียมผู้นำระดับโลก
“การรุกขึ้นมาปรับวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของเอพี ไทยแลนด์ ไปสู่การเป็นบริษัทที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมแทนที่จะเป็นเพียงผู้ส่งมอบที่อยู่อาศัยเพียงเท่านั้นซึ่งสุดท้ายแล้วนวัตกรรมหรือระบบนิเวศต่างๆ ที่ถูกพัฒนาจะเปิดกว้างให้บริการกับทุกคนไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นลูกค้าเอพีเท่านั้น โดยเราคาดหวังว่า ดอกผลที่เกิดขึ้นจากการขยายภาคธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ AP World นี้ จะมีส่วนช่วยผลักดันรายได้รวมของเอพี ไทยแลนด์ให้เติบโตแบบดับเบิ้ล หรือตั้งเป้าสร้างรายได้รวมแตะหลัก 60,000 ล้านบาทภายในปี 2565” นายอนุพงษ์ กล่าว
![](https://aroundliving.com/wp-content/uploads/2019/02/2-1024x683.jpg)
นอกจากความสำเร็จด้านผลประกอบการณ์แล้ว ในปี 2561 ที่ผ่านมายังเป็นเกียรติยศของเอพี ไทยแลนด์ จากการคว้ารางวัลทรงเกียรติ ทั้งจากในประเทศและระดับนานาชาติ มาครองได้มากถึง 14 รางวัล อาทิ ‘บริษัทผู้ทรงอิทธิพลแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ประเทศสิงคโปร์, ‘ที่สุดของบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018’ จากเวที Property Guru Asia Property Awards 2018 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น ‘The Most Admired Company 2018’ องค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคประจำปี 2018 อีกด้วย